
มรดกถิ่น / ปริศนากลองมโหระทึก
กรุงเทพฯ--28 ส.ค.--สยามรัฐ
เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กรมศิลปากรได้จัดสัมมนา "วิจัย วิจักขณ์" ครั้งที่ 2ที่หอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี เผยแพร่งานวิชาการโบราณคดี และศิลปวัฒนธรรมแขนงต่างๆจำนวน 20 เรื่อง "กลองมโหระทึกในประเทศไทย" เป็นเรื่องหนึ่งในนั้นโดย น.ส.เมธินี จิระวัฒนา นักโบราณคดี 7 ว. กลุ่มวิชาการโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์สำนักโบราณคดี นำเสนอ
ที่มาที่ไปกลองมโหระทึกในงานวิจัย ก็พอจะสรุปกว้างๆ ได้ คำว่า "มโหระทึกไหมายถึงกลองชนิดหนึ่ง ใช้ตีเป็นสัญญาณและประโคมในสมัยก่อนและต้นประวัติศาสตร์ ราว 3,000 - 2,000 ปีมาแล้ว เป็นกลองที่หล่อจากโลหะผสมระหว่างทองแดง ดีบุก และตะกั่ว มีชื่อเรียกต่างๆ กันตามความเชื่อของท้องถิ่นที่เป็นกลุ่มเจ้าของกลองนั้น เช่น ภาคเหนือของไทย และในพม่า เรียกว่า "ฆ้องกบไ หรือ "ฆ้องเขียด" ชาวจีนเรียก "ตุงกู่" ฯลฯ
นักโบราณคดีไทยและเทศนั้นให้ความสนใจ ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 22 -23 ราว 300ปีมาแล้ว มีงานเขียนของชาวตะวันตก G.E.RUMPHIUS และ E.C.BACSOLIT กล่าวถึงโบราณวัตถุสำริดนี้ในวัฒนธรรมดองซอน (DONG SON) ที่พบในอินโดนีเซีย กระทั่งล่วงมาถึงปี พ.ศ.2445 ชาวออสเตรเลีย FRANZ HEGER เสนอแนวความคิดว่า กลองมโหระทึกมีกำเนิดตอนเหนือของเวียดนาม
แนวความคิดนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก BEZACIER ว่า กลองมโหระทึกมีการผลิตครั้งแรกในวัฒนธรรมดองซอน สมัยก่อนประวัติศาสตร์ถึงกึ่งประวัติศาสตร์ ราวพุทธศตวรรษที่ 2-3
ในเวียดนาม เพิ่งมีการขุดค้นพบครั้งแรกเมื่อประมาณ 80 ปีมานี่เอง ทางชุมชนโบราณตอนเหนือและภาคกลาง และเมื่อ 40 ปีมานี่ได้พบแหล่งวัฒนธรรมการใช้กลองมโหระทึกกว่า 50 แหล่ง ส่วนใหญ่กระจายอยู่ในบริเวณแอ่งแม่น้ำหง(Hong) และแม่น้ำมา(Ma) ไปจนถึงเขตจังหวัดดองซอน และต่อเนื่องไปถึงแม่น้ำโซ (Tso) และแม่น้ำหยู (Yu)บริเวณตอนใต้ของจีน กำหนดอายุอยู่ในช่วงระหว่าง 400 ปีก่อนพุทธกาล-พุทธศตวรรษที่7
ศาสตราจารย์ชิน อยู่ดี นักโบราณคดีไทย ได้เสนอความคิดเกี่ยวกับกลุ่มชนเจ้าของวัฒนธรรมกลองมโหระทึก มี 7 กลุ่ม อาทิ ดองซอน อาจเป็นพวกเย่ห์(Yueh)หรือพวกเวียด(Viet)
กลุ่มชนพื้นเมืองที่อาศัยในบริเวณภาคใต้ของไทย ก่อนจะเกิดกลุ่มวัฒนธรรมศรีวิชัย
กลุ่มชนมวง (Muongs) ในเวียดนาม
กลุ่มชนไทยใหญ่ และกลุ่มชนอินธะ(Inthas) ในสหภาพพม่า
กลุ่มชนกะเหรี่ยงบางกลุ่มในไทย และสหภาพพม่า
กลุ่มชนจ้วง (Zhuang) ในเขตตอนใต้ของจีน
และกลุ่มชนจีนฮั่น (Han) ในแผ่นดินใหญ่
สำหรับวัตถุประสงค์ผลิตกลองมโหระทึกขึ้นมาใช้นั้น อาจสรุปได้ว่า ใช้เป็นเครื่องแสดงฐานะความมั่งคั่ง ใช้ในพิธีกรรมเกี่ยวกับความตาย ใช้ตีเป็นสัญญาณในการสงคราม ใช้ตีในพิธีกรรมขอฝน และใช้ตีเพื่อรักษาโรคทางไสยศาสตร์
ในส่วนของกลองมโหระทึกในประเทศไทย จากการสำรวจเบื้องต้นที่ผ่านมา (พ.ศ.2541-2545) ที่พบแล้วนำมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติตามส่วนภูมิภาค ในภาคกลางสำรวจพบ 6 ใบในจังหวัดตราด ราชบุรี และกาญจนบุรี โดยรายละเอียดของกลองมีรูปลายดาวหรือดวงอาทิตย์ 10 หรือ 14 หรือ 16 แฉกแล้วแต่ขนาด นอกจากนี้มีลายปลาว่ายทวนน้ำ ลายบุคคลสวมเครื่องประดับขนนก และลายอื่นๆ อีกมากมาย
ในภาคเหนือสำรวจพบ 8 รายการ ในเขตจังหวัดอุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย และน่านลักษณะกลองไม่ต่างไปจากที่พบภาคกลาง หน้ากลองคล้ายรูปรำมะนา ด้านข้างกลองมีหูคู่หล่อติดอยู่ ส่วนตัวกลองเป็นทรง กระบอกต่อกับฐานกลองโค้งผายออก
ในเขตอีสานพบ 7 รายการ ในเขตจังหวัดกาฬสินธุ์ มุกดาหาร นครพนม อุบลราชธานี และเมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาว นอกจากนี้ยังพบกลองมโหระทึกไม่ทราบแหล่งที่มาอีกจำนวนหนึ่ง
นักโบราณคดีได้ให้ข้อสรุป กลองมโหระทึกเป็นวัฒนธรรมที่โดดเด่นอย่างหนึ่งในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นวัฒนธรรมความเชื่อของกลุ่มชนโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ต่อเนื่องถึงสมัยต้นประวัติศาสตร์ การพบกลองมโหระทึกในไทยเป็นหลักฐานที่ชี้ให้เห็นการรับรูปแบบวัฒนธรรมมา แม้จะยังชี้ชัดไม่ได้ว่านำมาเพื่อวัตถุประสงค์ใด ทั้งในแง่พิธีกรรมฝังศพในภาชนะดังกล่าว
แต่จากการศึกษาลักษณะของแหล่งที่พบกลองมโหระทึกในไทย จะอยู่ในบริเวณเนินดินใกล้แหล่งน้ำ แสดงถึงการเลือกสถานที่ความอุดมสมบรูณ์ และพบบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลอาจเป็นนัยยะแสดงถึงความสัมพันธ์ในทางวัฒนธรรมของกลุ่มชนในวัฒนธรรมร่วมที่มีการใช้กลองนี้ เพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง
มาถึงทุกวันนี้นักโบราณคดียังเดินหน้าค้นหาปริศนาของกลองมโหระทึก ในความหมายที่อาจต่างไปจากเพียงแค่พิธีกรรมขอฝน พิธีกรรมเกี่ยวกับความตาย หรือแม้แต่บ่งบอกฐานะความมั่งคั่งของคนยุคก่อน
ใครจะรู้ว่าลวดลายปรากฏบนหน้ากลองมโหระทึกนั้น อาจหมายถึงมนุษย์ผูกพันกับดวงดาวกำหนดวิถีธรรมชาติ มีธาตุดินน้ำลมไฟก็เป็นได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น