วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553

มวยไทย


มวยไทย
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
บทความนี้ต้องการ การจัดหน้า การจัดหมวดหมู่ และใส่ลิงก์ภายใน เพื่อให้บทความมีคุณภาพดียิ่งขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก หรือใช้ป้ายข้อความอื่นระบุสิ่งที่ต้องแก้ไขให้เจาะจง

มวยไทยมวยไทย คือศิลปะการต่อสู้ของคนไทย ที่ใช้หมัด ศอก แขนท่อนล่าง เท้า แข้ง เข่า ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ศีรษะ และลำตัวในการต่อสู้ ศิลปะการต่อสู้ลักษณะนี้ สามารพบเห็นได้หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยกตัวอย่างเช่นกัมพูชา เรียกว่า ประดั่ญ เซเรีย ขอมมวย(Pradal Serey) ลาว เรียก มวยลายลาว(มวยเสือลากหาง)

เนื้อหา [ซ่อน]
1 ความหมายของคำว่า"มวย"
2 ประวัติศาสตร์ของมวยไทย
2.1 การศึกษาศิลปะมวยไทย
2.2 ครูมวยไทยที่มีชื่อเสียง
2.3 นักมวยไทยมีชื่อเสียงโด่งดัง
3 หลักการชกมวยไทย
4 องค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญของนักมวยไทย
5 การฝึกฝนวิชามวยไทย
6 กติกา
7 สิ่งที่น่าสนใจ
7.1 สีของคู่ต่อสู้
7.2 การถ่ายทอดสดการแข่งขันทางโทรทัศน์
8 ดูเพิ่ม
9 อ้างอิง
10 แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้] ความหมายของคำว่า"มวย"
1.อาจมีที่มาจากลักษณะการ ม้วนเชือกหรือผ้า เพื่อใช้หุ้มฝ่ามือและท่อนแขน เพื่อใช้ป้องกันอันตรายขณะต่อสู้ หรืออาจเพิ่มอันตรายในการ ชก กระแทกฟาดโดยการผสม กับ กาวแป้ง และ ผงทราย คล้ายลักษณะของ มวยผม ของ ผู้หญิงที่นิยมไว้ผมยาว(เกล้ามวย)ได้แก่ หญิงไทย/ลาวโซ่ง/หญิงล้านนาในสมัยโบราณ หรือนักมวยจีน(มุ่นผม)ซึ่งนิยม ถักเป็นเปีย แล้วม้วนพันรอบคอ ของตนซึ่งสามารถใช้ในการต่อสู้ในบางครั้ง
2.หรือ มาจากคำภาษาบาลี ว่า "มัลละ" หมายถึง การปล้ำรัด มวยปล้ำของชาวอินเดีย
มีการต่อสู้ในลักษณะเดียวกับ มวย ของ ชาวไทย มุสลิมในท้องถิ่นทาง ภาคใต้ ตลอดจนแหลม มลายู เรียกว่า ซีละ หรือ ปัญจสีลัต มีผู้บัญญัติศัพท์ว่า มวยไทยพาหุยุทธ์ โดยเปรียบว่า เป็นการต่อสู้แบบรวมเอา ศิลปะการต่อสู้ (Martial Art) ทุกแขนง โดยใช้อวัยวะทุกส่วนร่วมด้วยได้แก่ ...การใช้ ศีรษะ คาง เพื่อชน กระแทก โขก ยี ...ใช้ ท่อนแขน ฝ่ามือ และกำปั้น จับ ล็อก บล็อก บัง เหวี่ยง ฟัด ฟาด ปิด ปัด ป้อง ฟาด ผลัก ยัน ดัน ทุบ ชก ไล่แขน ศอก เฉือน ถอง กระทุ้ง พุ่ง เสย งัด ทั้งทำลายจังหวะเมื่อเสียเปรียบและหาโอกาศเข้ากระทำเมื่อได้เปรียบ ...ส่วนขา แข้ง เข่า ฝ่าเท้า ส้นเท้า ปลายเท้า ใช้ในการบัง ถีบ เตะ แตะ เกี่ยว ตวัด ฉัด ช้อน ปัด กวาด ฟาด กระแทก ทำให้บอบช้ำและเสียหลักและใช้ลำตัวในการการทุ่มทับจับหัก (มีคณะนักมวยดังในอดีตคือ ค่าย ส.ยกฟัด ใช้มาก)การประกอบรวมแม่แบบชุดต่อสู้รวมเรียกว่า แม่ไม้ และลูกไม้ ตามเชิงมวย หรือกลมวย

[แก้] ประวัติศาสตร์ของมวยไทย
ประวัติศาสตร์อันยาวนานของมวยไทยเริ่มมีและใช้กันในการสงครามในสมัยก่อน ในปัจจุบันมีการดัดแปลงมวยไทยมาใช้ในกองทัพโดยเรียกว่า เลิศฤทธิ์ ซึ่งแตกต่างจากมวยไทยในปัจจุบันที่ใช้เป็นการกีฬา โดยมีการใช้นวมขึ้นเพื่อป้องกันการอันตรายที่เกิดขึ้น มวยไทยยังคงได้ชื่อว่า ศาสตร์การโจมตีทั้งแปด ซึ่งรวม สองมือ สองเท้า สองศอก และสองเข่า (บางตำราอาจเป็น นวอาวุธ ซึ่งรวมการใช้ศีรษะโจมตี หรือ ทศอาวุธ ซึ่งรวมการใช้บั้นท้ายกระแทกโจมตีด้วย)

มวยไทยสืบทอดมาจากมวยโบราณ ซึ่งแบ่งออกเป็นแต่ละสายตามท้องที่นั้น ๆ โดยมีสายสำคัญหลัก ๆ เช่น มวยท่าเสา(ภาคเหนือ) มวยโคราช (ภาคอีสาน) มวยไชยา (ภาคใต้) มวยลพบุรีและมวยพระนคร (ภาคกลาง)มีคำกล่าวไว้ว่า "หมัดหนักโคราช ฉลาดลพบุรี ท่าดีไชยา ไวกว่าท่าเสา"

[แก้] การศึกษาศิลปะมวยไทย

มวยไทยในสมัยโบราณจะมี สำนักเรียน (สำนักเรียนมวย แตกต่างจาก ค่ายมวย คือ สำนักเรียนจะมีเจ้าสำนัก หรือ ครูมวย ซึ่งมีฝีมือและชื่อเสียงเป็นที่เคารพรู้จัก มีความประสงค์ที่จะถ่ายทอดวิชาไม่ให้สูญหาย โดยมุ่งเน้นถ่ายทอดให้เฉพาะศิษย์ที่มีความเหมาะสม ส่วน ค่ายมวย เป็นที่รวมของผู้ที่ชื่นชอบในการชกมวย มีจุดประสงค์ที่จะแลกเปลี่ยนวิชาความรู้เพื่อนำไปใช้ในการแข่งขัน/ประลอง) โดยแยกเป็น สำนักหลวง และ สำนักราษฎร์ บ้างก็ฝึกเรียนร่วมกับเพลงดาบ กระบี่ กระบอง พลอง ทวน ง้าวและมีดหรือการต่อสู้อื่นๆ เพื่อใช้ในการต่อสู้ป้องกันตัวและใช้ในการสงคราม มีทั้งพระมหากษัตริย์และขุนนางแม่ทัพนายกองและชาวบ้านทั่วไป (ส่วนใหญ่เป็นชาย)และจะมีการแข่งขันต่อสู้/ประลองกันในงานวัดและงานเทศกาลโดยมีค่ายมวยและสำนักมวยต่างๆ ส่งนักมวยและครูมวยเข้าแข่งขันชิงรางวัล/เดิมพัน โดยยึดความเสมอภาค บางครั้งจึงมีตำนานพระมหากษัตริย์หรือขุนนางที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ปลอมตนเข้าร่วมแข่งขันเพื่อทดสอบฝีมือที่เป็นที่ปรากฏได้แก่ พระเจ้าเสือ(ขุนหลวงสรศักดิ์) พระเจ้าตากสินมหาราช พระยาพิชัยดาบหัก ครูดอก แขวงเมืองวิเศษไชยชาญ จนเมื่อไทยเสียกรุงแก่พม่า ปรากฏชื่อนายขนมต้ม ครูมวยชาวอยุธยา ซึ่งถูกกวาดต้อนเป็นเชลยศึกได้ชกมวยกับชาวพม่า ชนะหลายครั้งเป็นที่ปรากฏถึงความเก่งกาจเหี้ยมหาญของวิชามวยไทย ในสมัยอยุธยา ตอนปลายได้มีการจัดตั้งกรมทนายเลือกและกรมตำรวจหลวงขึ้นมีหน้าที่ในการให้การคุ้มครองกษัตริย์และราชวงศ์ ได้มีการฝึกหัดวิชาการต่อสู้ทั้งมวยไทยและมวยปล้ำตามแบบอย่างแขกเปอร์เซีย(อิหร่าน)จึงมีครูมวยไทยและนักมวยที่มีฝีมือเข้ารับราชการจำนวนมากและได้แสดงฝีมือในการต่อสู้ในราชสำนักและหน้าพระที่นั่งในงานเทศกาลต่างๆสืบต่อกันมาเป็นประจำ

กีฬามวยไทยได้รับความนิยมมากในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ จนถึงรัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7 มีการชกมวยถวายหน้าพระที่นั่งเป็นประจำที่วังสวนกุหลาบทั้งการต่อสู้ประลองระหว่างนักมวย/ครูมวยชาวไทยด้วยกันและการต่อสู้ระหว่างนักมวย/ครูมวยต่างชาติ ในยุคแรกการแข่งขันมวยไทยใช้การพันมือด้วยเชือก จนกระทั่งนายแพ เลี้ยงประเสริฐ นักมวยจากท่าเสา จ.อุตรดิตถ์ ต่อยนายเจียร์ นักมวยเขมร ด้วยหมัดเหวี่ยงควายถึงแก่ความตาย จึงเปลี่ยนมาสวมนวมแทน ต่อมาเริ่มมีการกำหนดกติกาในการชก และมีเว ทีมาตรฐานขึ้นแห่งแรกคือเวทีมวยลุมพินีและเวทีมวยราชดำเนินจัดแข่งขันมวยไทยมาจนปัจจุบัน ในการแข่งขันชกมวยในสมัย ร.๖ ระหว่างมวยเลี่ยะผะ(กังฟู)ชาวจีนโพ้นทะเล ชื่อนายจี่ฉ่าง กับ นายยัง หาญทะเล ศิษย์เอกของ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ มีท่าจรดมวยแบบมวยโคราช ซึ่งเน้นการยืดตัวตั้งตระหง่านพร้อมที่จะรุกและรับโดยเน้นการใช้เท้าและหมัดเหวี่ยง และต่อมาได้เป็นแบบอย่างในการฝึกหัดมวยไทยในสถาบันพลศึกษาส่วนใหญ่

[แก้] ครูมวยไทยที่มีชื่อเสียง
ในยุคเก่าได้แก่:

กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
นายยัง หาญทะเล
นายนิล ปักษี
หลวงวิศาลดรุณกร(อั๋น สาริกบุตร)
ครูสุนทร(กิมเส็ง)ทวีสิทธิ์ ค่ายทวีสิทธิ์ครูสุนทร(กิมเส็ง)ทวีสิทธิ์ ค่ายทวีสิทธิ์
ปรมาจารย์ตันกี้ ยนตรกิจ (เตี่ย) ค่ายยนตรกิจ
ครูเขตร ศรียาภัย
ครูมวยไทยที่มีชื่อเสียงในยุคปัจจุบัน ได้แก่

ครูแสวง ศิริไปล่ (ว.พลศึกษา)เสียชีวิตแล้ว
ครูบัว วัดอิ่ม (วัดอิ่ม)เสียชีวิตแล้ว
ครูสนอง รักวานิช (ค่ายเมืองสุรินทร์)เสียชีวิตแล้ว
ครูไฉน ผ่องสุภา (ค่ายศศิประภายิม)เสียชีวิตแล้ว
ครูทองหล่อ ยาและ[1]
ครูแปรง ประธานมูลนิธิมวยไทยไชยาแห่งประเทศไทยครูแปรง มวยไชยา
ครูตุ๊ย ยอดธง เสนานันท์
ครูผจญ เมืองสนธิ์
ครูจรวย แก่นวงษ์คำ
ครูวิชิต ชี้เชิญ
ครูสงวน มีระหงษ์
ครูปราโมทย์ หอยมุกข์ (ค่ายหนองกี่พาหุยุทธ์)
ครูเลาะห์ มะลิพันธ์ (ค่ายศิษย์ขุน)
ครูครื้น อรัญดร (ค่ายชำณาญวารี)
ครูโพธิ์สวัสดิ์ แสงสว่าง
ครูหมู ผุดผาดน้อย วรวุฒิ
ครูชาญณรงค์ สุหงษา
ครูวิชิต ไพรอนันต์(ฉลามขาว)
ครูเป็ด สุรัตน์ เสียงหล่อ (ค่ายเดชรัตน์)
ครูยุทธนา วงษ์บ้านดู่
ครูเล็ก (บ้านช่างไทย)
ครูเจริญทอง เกียรติบ้านช่อง
ครูมัด (บ้านภูวศักดิ์)
ครูมวยไทยในต่างประเทศ อาจารย์ชัย สุรชัย ศิริสูตร์
ครูอำนาจ พุกศรีสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น