วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ประเพณีลอยกระทงสาย

ประวัติและความเป็นมา
ประเพณีลอยกระทงสาย จะแตกต่างกับงานประเพณีลอยกระทงของจังหวัดอื่น เพราะส่วนประกอบของกระทงจะมีการนำ กะลามะพร้าว มาใช้เป็นส่วนใหญ่ เหตุที่มีการนำเอากะลามาเป็นส่วนประกอบนั้น เนื่องมาจากชาวเมืองตาก มีการนำเอามะพร้าวมาแปรรูปทำเป็นอาหารว่าง ที่เรียกว่า เมี่ยง โดยถือเป็นอาหารว่างที่ชาวเมืองตากรับประทานเป็นประจำหลังอาหาร ซึ่งมีมะพร้าว ถั่วลิสง ใบเมี่ยงหมัก เป็นส่วนประกอบหลัก นอกจากทำเพื่อรับประทานกันเองภายในครอบครัวแล้ว ยังมีการนำมาขายเป็นอาหารพื้นเมืองและได้รับความนิยมในภาคเหนือโดยทั่วไป กรรมาวิธีในการแปรรูปมะพร้าวเป็น “ เมี่ยง ” นั้น มีการขูดเอาเฉพาะเนื้อมะพร้าวมาทำ ส่วนกะลามะพร้าวจะถูกทิ้งไว้ในบริเวณบ้านเป็นจำนวนมาก ไม่มีการนำเอามาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่

ครั้นถึงวันเพ็ญ เดือนสิบสอง ( วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินทางจันทรคติ ) ประมาณเดือนพฤศจิกายน ชาวบ้านจึงได้ทดลองนำกะลาด้านที่ไม่มีรูมาทำเป็นกระทง โดยเอากะลามาขัดถูจนสะอาด ตกแต่งลวดลายสวยงาม ภายในกะลาใส่ด้ายดิบ ที่ฟั่นเป็น รูปตีนกา (นำด้ายขาวมาล้วงเส้นดายให้เป็น9เส้น) แล้วหล่อ เทียนขี้ผึ้ง เพื่อให้เกิดความเหนียว จากนั้นเทเทียนแล้วรอให้เทียนแข็งตัว ซึ่งเทียนขี้ผึ้งนั้นนำมาจากเทียนจำนำพรรษาที่พระสงฆ์จุดเพื่อทำพิธีสวดมนต์ในโบสถ์วิหารตลอดสามเดือน หลังจาก ออกพรรษา ชาวบ้านจะนำเทียนขี้ผึ้งเหล่านั้นมาหล่อใส่ในกะลา ซึ่งถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์และเป็นศิริมงคลแก่ผู้นำไปลอย ก่อนที่จะปล่อยลงลอยในแม่น้ำปิง ประกอบกับแม่น้ำปิงที่ไหลผ่านจังหวัดตากจะเกิดสันทรายใต้น้ำ ทำให้เกิดเป็นร่องน้ำที่สวยงามเป็นธรรมชาติ เมื่อนำ กระทงกะลา ลงลอย กระทงกะลาจะไหลไปตามร่องน้ำดังกล่าว ทำให้ดูเป็นสายอย่างต่อเนื่อง จนสุดสายตา ซึ่งไฟในกะลาจะส่องแสงระยิบระยับเต็มท้องน้ำ

โดยเดิมทีก่อนที่จะมาเป็นงานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป ๑๐๐๐ ดวง นั้น การนำเอากระทงกะลามาลอยเป็นสายจะเป็นเพียงการสาธิตการลอยเท่านั้น ซึ่งในระยะต่อมาได้มีการพัฒนาการลอยมาเป็นการแข่งขันกันอย่างยิ่งใหญ่ในปี พ.ศ. 2540 จนเป็นงานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป ๑๐๐๐ ดวง ในปัจจุบัน เป็นรูปแบบที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของชาวจังหวัดตากที่ภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง

ประเพณีลอยกระทงสาย เป็นประเพณีเฉพาะท้องถิ่นของชาว จังหวัดตาก ซึ่งโดยทั่วไปการลอยกระทงไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็จะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน เช่น ต้องมีกระทงซึ่งประดิษฐ์ขึ้นลักษณะคล้ายดอกบัวบาน แต่ของจังหวัดตากใช้กระทงทำไม่เหมือนใคร คือ ใช้กะลามะพร้าวเป็นตัวกระทง ภายในมีไส้กระทงเป็นมะพร้าวแห้งชุบน้ำมัน สำหรับความเชื่อในการลอยกระทงนั้นก็คล้ายกับชาวไทยในภาคอื่นๆ คือเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาพระแม่คงคา แต่ในบางครั้งก็เชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที อันเป็นคติความเชื่อเหมือนกับภาคกลาง แต่บางทีก็เชื่อว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระโมคคัลลีบุตรมหาสาวก (ตามอย่างความคิดอิทธิพลของพม่าที่แพร่กระจายอยู่ในดินแดนล้านนา)

จังหวัดตากนั้นมีแม่น้ำปิงไหลผ่าน โดยเฉพาะแม่น้ำปิงช่วงที่ไหลผ่านหน้าเมืองตาก ชาวตากเชื่อว่าสวยงามยิ่งกว่าที่อื่นๆ เพราะน้ำปิงช่วงนี้เป็นหาดทราย และทิวทัศน์เบื้องหลังเป็นทิวเขา ชาวจังหวัดจึงใช้สถานที่แห่งนี้ในการลอยกระทงด้วย




[แก้ไข] ตำนานการฟั่นด้ายตีนกา
เหตุที่ต้องฟั่นด้ายดิบเป็น รูปตีนกา นั้น มีตำนานเล่าขานจากผู้เฒ่าผู้แก่สืบทอดต่อกันมาว่า ในอดีตกาลมี สามเณรน้อย ผู้ชอบเที่ยวซุกซนอยู่รูปหนึ่ง มีนิสัยที่ชอบล่าสัตว์ ยิงนก ตกปลาเป็นประจำ วันหนึ่งเณรน้อยได้ยิงไก่ วัว เต่า และพญานาค ตาย จึงเกิดสำนึกในบาปที่ตนได้กระทำมาตลอด จึง ได้อธิษฐานกับพวกไก่ วัว เต่า และพญานาค ว่าถ้าได้เกิดมาในชาติหน้าขอให้เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน

ณ ริมฝั่ง แม่น้ำคงคา มีต้นไทรอยู่ต้นหนึ่งเป็นที่อาศัยของกาเผือกสองตัวผัวเมีย ซึ่งได้ออกไข่มา ๕ ฟอง อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่กาเผือกสองตัวผัวเมียออกเที่ยวหาอาหารอยู่นั้น ท้องฟ้ามืดครึ้ม มีลมพัดแรง ได้พัดเอาไข่ ๕ ฟอง ตกลงในแม่น้ำ แต่ไข่นั้นหาจมน้ำไม่ กลับลอยไปติดชายหาดแห่งหนึ่ง และไข่ทั้ง ๕ ฟอง ก็แตกออกมาเป็นเด็กทารก ๕ คน คือ เณรน้อย ไก่ เต่า วัว และพญานาคที่มาเกิดนั้นเอง ทารกทั้ง ๕ คน ก็พากันตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าตนทั้ง ๕ เป็นพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน ก็ขอให้มีโอกาสพบพ่อแม่ด้วยเถิด

ส่วนกาเผือกสองตัวผัวเมีย เมื่อตายลงไปเกิดเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ จึงมาเข้าฝันทารกทั้ง ๕ คน ว่า “ หากเจ้าทั้ง ๕ คน อยากเห็นหน้าและระลึกถึงพ่อแม่ ก็จง ฟั่นด้าย เป็น รูปตีนกา แล้วลอยแม่น้ำคงคาไป ” ต่อมาทารกทั้ง ๕ คน ก็ได้สำเร็จอรหันต์เป็น พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ด้วยเหตุนี้การลอยกระทงสายทุกครั้ง จึงมีการฟั่นด้ายเป็นรูปตีนกา เพื่อบูชาแม่กาเผือกของพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์




[แก้ไข] กำหนดการจัดงาน
วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ของทุกปี ซึ่งตรงกับวันลอยกระทง




[แก้ไข] กิจกรรมและพิธี


เมื่อถึงเวลาค่ำคณะศรัทธาที่จากคุ้มหมู่บ้านต่างๆ จะพากันแห่แหนขบวนกระทงของตนมายังจุดเริ่มต้นปล่อยกระทงสาย อันเป็นสะพานไม้เล็กๆ ที่เชิงสะพานแขวน โดยแห่แหนมาพร้อมกับมีการบรรเลงดนตรี (แตรวง) เป็นที่สนุกสนาน

สิ่งที่สำคัญที่สุดของคณะศรัทธาที่นำมาคือ "กระทงผ้าป่า" หรือแพผ้าป่าน้ำ บางคณะทำจากต้นกล้วย ประดับด้วยดอกไม้ธูปเทียน ธงทิวหลากสี ในแพหรือกระทงบรรจุหมากพลู บุหรี่ ขนม ผลไม้ โดยเจตนาเพื่ออุทิศให้กับคนยากจนที่เก็บกระทงนี้ไปได้และบางคณะกระทงผ้าป่าหรือแพผ้าป่าน้ำจะจัดเป็นแพสวยงามประดับตะเกียงไฟ

ส่วนกระทงสายที่ทุกคณะจะนำกะลามะพร้าวจำนวนมาก คณะละนับพันใบ กะลาเหล่านี้จะนำมาทำเป็นตัวกระทง มีไส้เป็นมะพร้าวแห้งชุบน้ำมันหรือขี้เถ้า เพื่อให้ติดไฟได้ดีและทนทาน ในอดีตกระทงสายทำจากใบพลับพลึงอ่อนสีขาว เย็บเป็นรูปกระทง ไส้กระทงทำด้วยเชือกฟั่น และใช้น้ำมันมะพร้าวเป็นเชื้อไฟ และเมื่อคณะต่างๆ นำกระทงสายมาถึงจุดแล้ว จะมีการร้องรำทำเพลง ทำให้ทั่วบริเวณนั้นสนุกสนานครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อความมิดเข้าปกคลุม แต่ตรงที่สะพานแขวนนั้นประดับด้วยไฟสว่างไสว กระทงผ้าป่าหรือแพผ้าป่าน้ำ จะถูกจุดไฟขึ้นก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นคณะศรัทธาจากหมู่บ้านต่างๆ ก็จะเตรียมประจำที่เพื่อปล่อยกระทงสายออกไปให้สวยงามที่สุดเท่าที่จะทำได้

แม่น้ำปิงช่วงที่ไหลผ่านหน้าเมืองตากนั้นไม่ลึกนัก อย่างมากก็ไม่เกินเอว โดยมีพื้นล่างเป็นสันทรายโค้งเว้าเป็นรูปร่างต่างๆ สันทรายใต้น้ำเหล่านี้เองเป็นตัวบังคับให้สายน้ำไหลเลี้ยวคดโค้งวกวนไม่เป็นเส้นตรง ดังนั้น หากปล่อยกระทงลอยไปตรงสายน้ำที่เหมาะสม กระทงก็จะไหลคดโค้งไปตามแนวสายน้ำที่ถูกบังคับด้วยสันทรายเบื้องล่าง ยิ่งเป็นกระทงที่จุดไฟสว่างไสวในยามค่ำคืนที่มืดมิด แนวของกระทงไฟจะลอยคดโค้งไปตามกระแสน้ำก่อให้เกิดภาพอันสวยงาม

คณะศรัทธาต่างๆ จะแบ่งสมาชิกออกเป็นหลายกลุ่ม กลุ่มแรกช่วยกันเอามะพร้าวแห้งชุบน้ำมัน หรือขี้ไต้ใส่ลงไปในกะลา กลุ่มที่ 2 ต้องคอยจุดไฟ และกลุ่มที่สามอีก 5 คน ลงไปแช่ในน้ำ คอยปล่อยกระทงไฟ การทำงานของทุกจุด จะต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อให้กระทงที่ปล่อยออกไปเป็นสายยาวต่อเนื่องกันไม่ขาดตอน จนกว่าจะหมดกระทงจำนวนหลายพันใบเป็นเวลามากกว่าชั่วโมง

ความต่อเนื่องของกระทงทำให้เกิดเส้นที่คดโค้งไปตามกระแสน้ำ มองดูในเวลากลางคืนสวยงามมาก หากการปล่อยกระทงขาดตอนไม่ต่อเนื่อง หรือการปล่อยกระทงไม่เป็นแถวเป็นแนว ความสวยงามของกระทงสายก็จะลดน้อยลงไป การปล่อยกระทงสายจึงเป็นทั้งความสนุกสนาน และการทำงานร่วมกันของสมาชิกในชุมชนหนึ่งๆ ที่มีคุณประโยชน์

พอได้เวลากำหนดมะพร้าวแห้งชุบน้ำมันก็จะได้รับการใส่ลงในกระทงกะลา จุดไฟและส่งต่อไปยังคนลอยที่จะค่อยๆ บรรจงลอยกระทงให้นิ่งและเป็นเส้นตรงยาวเหยียด ความคึกคักโกลาหลในการทำงาน ช่วยให้บรรยากาศการปล่อยกระทงตรงนั้นน่าสนุกสนานเป็นยิ่งนัก และยิ่งเสียงเชียร์จากชายฝั่งยิ่งดังขึ้นเท่าไหร่ คณะปล่อยกระทงก็ยิ่งคึกคักมากขึ้น แต่ยิ่งคึกคักการปล่อยกระทงก็ยิ่งรวดเร็ว ยิ่งรวดเร็วก็ยิ่งผิดพลาด การปล่อยกระทงในช่วงกลางๆ และท้ายๆ ก็มักจะหลุด ปล่อยให้กระทงขาดตอน หรือปล่อยให้ไม่เป็นแถวเป็นแนวเกือบทุกคณะ แต่ความสนุกสนานของการปล่อยกระทงก็ยังคงมีมากและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

จุดสำหรับการตัดสินกระทงสายมีอยู่ 3 จุดด้วยกัน ซึ่งแต่ละจุดก็จะเห็นความสวยงามของกระทงสายแตกต่างกันออกไป แรกๆ กระทงสายก็จะเกาะกลุ่ม คดโค้งกันมาจากจุดเริ่มต้นอย่างสวยงามพอตอนกลางสายน้ำที่แปรเปลี่ยนก็จะทำให้กลุ่มค่อยๆ แตกกระจายห่างออกไป ครั้นพอถึงตอนปลายกระทงสายก็จะแผ่กระจายกันออกไปกว้างขวางตลอดทั้งผืนน้ำ

และนอกจากกระทงสายที่สว่างไสวโชติช่วงอยู่ที่ผืนน้ำแล้ว บนชายฝั่งชาวเมืองตากยังจัดให้มีมหรสพสมโภชขึ้นอีกหลายรูปแบบ แต่ที่ขึ้นชื่อมากที่สุดคือ งานประกวดแม่ม่ายเมืองตากประเพณีลอยกระทงสายเป็นประเพณีเฉพาะที่สวยงามของเมืองตาก ที่หาชมที่ไหนไม่ได้จึงควรที่จะมีการอนุรักษ์ และสืบทอดประเพณีที่ดีงามนี้ไว้ตลอดไป


--------------------------------------------------------------------------------

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เว็บไซต์ส่วนตัวของยูเรก้า
ลอยกระทงสายตากดอทเน็ต
สนุกดอทคอม
Retrieved from "http://galyani.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น